เลนส์กันแสงสีฟ้า (Blue light block lenses)
- tbfc1000
- 7 เม.ย.
- ยาว 1 นาที
คนยุคดิจิทัลน่าจะเคยได้ยินเรื่อง “แสงสีฟ้า” แสงที่ถูกปล่อยออกมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต มีพลังสูงและส่งผลต่อสายตาเราโดยตรง หากปล่อยให้แสงสีฟ้ากระทบสายตาโดยตรงเป็นเวลานาน ตาจะเริ่มโฟกัสยาก เมื่อยล้า และเกิดปัญหาสายตาอื่นๆ ตามมา

แสงสีฟ้า คืออะไร
แสงสีฟ้า คือ ส่วนหนึ่งของแสงปกติที่เราใช้ในการมองเห็นทุกวัน โดยแสงสีฟ้าจะจัดให้เป็นแสงที่มีความยาวคลื่นสั้น ความยาวของคลื่นจะอยู่ที่ 380 – 500 นาโนเมตร ซึ่งหลักทั่วไป แสงที่มีความยาวคลื่นสั้นจะมีพลังงานสูงกว่าแสงที่มีความยาวคลื่นยาว ดังนั้นแสงสีฟ้าจึงมีพลังงานสูงกว่าแสงสีแดง
แสงสีฟ้าที่มักจะพบเจอมี 2 ประเภท คือ
1. แสงสีฟ้าที่ดีหรือมีประโยชน์ โดยแสงสีฟ้าชนิดนี้จะช่วยทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกมาทำให้ร่างกายของเราสมดุล กระฉับกระเฉง รู้ว่าควรตื่นเวลาไหน ควรนอนเวลาไหน ควรกินเวลาไหน ควรขับถ่ายเวลาไหน หรือเรียกง่ายๆ ว่าช่วยให้ร่างกายทำงานเป็นปกตินั่นเอง
2. แสงสีฟ้าที่เป็นโทษ โดยส่วนใหญ่จะเป็นคลื่นแสงสีฟ้าที่มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 415 – 455 นาโนเมตร จะมีผลเสียโดยตรงกับดวงตา โดยแสงสีฟ้านี้จะทะลุผ่านเลนส์ตาและกระจกตาเข้าไปถึงจอประสาทตา ซึ่งหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป แสงสีฟ้านี้ก็จะค่อยๆ ทำลายเซลล์รับแสงในจอประสาทตา
จนทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม และอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ในที่สุด
แหล่งที่พบและผลเสีย
แสงสีฟ้าเป็นแสงที่เราสามารถพบเจอได้ในธรรมชาติ แต่ที่พบเจอมากที่สุดและเป็นอันตรายที่สุดก็คือ แสงสีฟ้าที่มาจากอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สมาร์ทว็อช เป็นต้น นอกจากนี้หลอดไฟ LED หรือไฟหน้ารถและท้ายรถก็มีแสงสีฟ้าเช่นเดียวกัน ในปัจจุบันอุปกรณ์
อิเลกทรอนิกส์มีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก ทั้งในการเรียน การทำงาน หรือในช่วงเวลาพักผ่อน โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน ซึ่งได้มีการพัฒนาจนกระทั่งสามารถใช้งานได้แทบทุกอย่าง เช่น ดูหรือแก้ไขเอกสาร การติดต่อสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ หาข้อมูล เล่นเกมส์ หรือแม้กระทั่งสามารถดูซีรีย์ได้ ทำให้เราใช้เวลากับอุปกรณ์เหล่านี้วันละหลายชั่วโมง จึงทำให้เราได้ รับแสงสีฟ้าในปริมาณที่มากและเป็นเวลานาน ซึ่งจะส่งผลเสียกับดวงตาของเราได้ ดังนี้
• อาการตาล้า เมื่อเราจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานๆ จะทำให้เกิดอาการสายตาล้าเนื่องจากการทำงาน เพราะเราจะต้องใช้สายตาในการเพ่งมอง ดวงตาของเราจึงต้องทำงานหนัก ดังนั้นจึงมักเกิดอาการตาล้าในตอนเย็น โดยปกติอาการนี้จะหายไปเองเมื่อเราพักสายตาหรือหยุดใช้สายตา แต่ก็สร้างความรำคาญให้ไม่น้อย บางครั้งอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดหัว ปวดตา เป็นต้น
• อาการตาแห้ง ในการที่เราต้องจ้องมองคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน สายตาล้าเนื่องจากการทำงาน เรามักจะเพ่งมองโดยไม่ค่อยกระพริบตา จึงทำให้เกิดอาการตาแห้ง ได้
• จอประสาทตาเสื่อม เนื่องจากแสงสีฟ้าสามารถที่จะทะลุผ่านเลนส์ตาและกระจกตาเข้าไปถึงจอประสาทตาได้ ดังนั้นการที่เราได้รับปริมาณแสงสีฟ้ามากเกินไปและในเวลานาน จะทำให้แสงสีฟ้าสามารถทำลายเซลล์การรับแสงในจอประสาทตาได้ ซึ่งทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
เราจะป้องกันดวงตาจากแสงสีฟ้าได้อย่างไร
เนื่องจากแสงสีฟ้าเป็นแสงที่เราสามารถพบเจอได้ในธรรมชาติ และในการหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ดิจิตอลก็เป็นไปได้ยาก เพราะเราต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้ในการทำงานและชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงควรมีการป้องกันดวงตาเพื่อที่เราจะสามารถมองโลกไปได้นานๆ ซึ่งวิธีป้องกันที่พบเห็นโดยทั่วๆไป ก็คือ
ติดฟิล์มกรองแสงสีฟ้าบนอุปกรณ์ดิจิตอล หรือหาแว่นตากันแสงสีฟ้ามาใส่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า
แว่นตากันแสงสีฟ้าหรือเลนส์กันแสงสีฟ้า ในท้องตลาดทั่วๆไป มักจะกันแสงสีฟ้าทั้งหมดทั้งแสงสีฟ้าที่เป็นประโยชน์ และเป็นโทษ ซึ่งจะทำให้ร่ายกายของเราทำงานไม่สมดุล ดังนั้นการเลือกเลนส์กันแสงสีฟ้าหรือแว่นตากันแสงสีฟ้า ควรจะเลือกจากร้านที่มีเลนส์กันแสงสีฟ้าที่กันเฉพาะแสงสีฟ้าที่เป็นโทษ
แต่เก็บแสงสีฟ้าที่เป็นประโยชน์ไว้ เพื่อที่จะช่วยกันแสงสีฟ้าและทำให้ร่ายกายของเรายังทำงานได้ตามปกติ เลนส์กันแสงสีฟ้านี้จะทำให้คุณสามารถทำงานกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น และช่วยลดอาการเกิดสายตาล้าเนื่องจากการทำงานได้อีกด้วย
ความสำคัญของ เลนส์กันแสงสีฟ้า
• ช่วยถนอมสายตาของคุณเมื่อต้องจ้องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์นานๆจะทำให้เกิดอาหารตาพร่ามัว ตาล้า หรืออาการปวดตา การใส่แว่นกรองแสงจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้
• หากคุณมีอาการเคืองตา แสบตา น้ำตาไหลบ่อย อาการเหล่านี้เป็นอาการบ่งบอกถึงปัญหาทางด้านสุขภาพสายตาในระยะยาว การใช้แว่นกรองแสงจะสามารถช่วยถนอมสายตาของคุณจากอาการแสบตาเคืองตา
• แว่นกรองแสง จะช่วยกรองแสงสีน้ำเงิน ที่เป็นแสงที่เป็นอันตรายต่อสายตาของคุณ แสงสีน้ำเงินเป็นแสงจากอุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์เป็นต้น
• ช่วยลดอาการปวดกระบอกตา อาการปวดกระบอกตาจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้งาน คอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือ การเล่นเกม หรือเล่นโทรศัพท์นานๆ จะเกิดอาการปวดกระบอกตาและอาการนี้จะลามไปถึงการปวดศีรษะอีกด้วย
• ช่วยลดอาการตาสู้แสงไม่ไหว ผู้ที่มีอาการตาสู้แสงไม่ได้ส่วนใหญ่มาจากการใช้สายตากับแสงที่มีความสว่างมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด แสงไฟ หรือแสงจากหน้าจอดิจิตอลต่างๆ แสงเหล่านี้มีผลกระทบในระยะยาวกับสายตาของเรา ทำให้ตาของเราไม่สามารถสู้แสงได้ มีอาการน้ำตาไหล แสบตาเมื่อต้องเจอกับแสงที่สว่างมากๆ
Comments