top of page

สายตาที่เปลี่ยนไป กับความเข้าใจที่ควรเปลี่ยนตาม : เลนส์โปรเกรสซีฟตอบโจทย์คนยุคใหม่

  • tbfc1000
  • 29 มิ.ย.
  • ยาว 1 นาที

ในชีวิตประจำวัน การมองเห็นคือประสาทสัมผัสที่ถูกใช้งานมากที่สุด ทั้งจากการอ่าน การขับรถ การทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การใช้ชีวิตแบบ multitasking ที่ต้องโฟกัสหลายระยะในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะในช่วงวัยที่เข้าสู่ 40 ปีขึ้นไป หลายคนเริ่มสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลง ความพร่าเมื่อมองใกล้ อาการเพ่งแล้วเมื่อยล้า หรือความรู้สึกว่าสายตาไม่ตอบสนองเหมือนเดิม

สายตาที่เปลี่ยนไป กับความเข้าใจที่ควรเปลี่ยนตาม

สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณของ “สายตายาวตามวัย” (Presbyopia) ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเรามองไม่ชัดเสมอไป แต่เป็นเรื่องของการมองหลายระยะที่ไม่ราบรื่นเหมือนก่อน


ในอดีต การแก้ปัญหานี้อาจใช้แว่นสองชั้น (bifocal) หรือสลับแว่นไปมา แต่ปัจจุบัน เทคโนโลยีเลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive Lenses) ได้เข้ามาเปลี่ยนแนวทางทั้งหมด


เลนส์โปรเกรสซีฟช่วยให้ผู้สวมใส่มองเห็นได้ชัดในทุกระยะ ใกล้ กลาง ไกล โดยไร้รอยต่อของภาพหรือขอบเลนส์ที่ชัดเจน ทำให้ภาพรวมของการมองเห็น “เป็นธรรมชาติ” มากขึ้น และส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ


เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังความชัดเจน

เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นใหม่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเทคโนโลยี Freeform Manufacturing ซึ่งใช้การเจียระไนเลนส์แบบละเอียดระดับนาโน เพื่อให้เลนส์แต่ละชิ้น “customized” ตามค่าสายตา สรีระตา และพฤติกรรมการมองของแต่ละบุคคล


☑️ Freeform Progressive: ปรับภาพคมชัดทุกระยะ มุมมองกว้าง ไร้รอยต่อ และปรับตัวง่าย


☑️ Customized Freeform: เพิ่มความแม่นยำด้วยการคำนวณจากตำแหน่งกรอบแว่นและองศาการสวมใส่ ทำให้ภาพนุ่มนวลและสบายตามากขึ้น


☑️ Binocular Balance: เทคโนโลยีที่ช่วยปรับสมดุลการมองเห็นของตาทั้งสองข้าง ลดอาการเวียนหัวหรือมึนงงในช่วงแรกของการใช้งาน


แม้เลนส์โปรเกรสซีฟจะมีข้อจำกัดด้าน “ภาพบิดเบือนบริเวณขอบเลนส์” จากกฎทางแสงที่เรียกว่า Minkwitz Theorem แต่เทคโนโลยีปัจจุบันสามารถลดผลกระทบนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการออกแบบให้โซนบิดเบือนอยู่ในบริเวณที่ใช้งานน้อยที่สุด


นอกเหนือจากฟังก์ชันแล้ว เลนส์รุ่นใหม่ยังถูกพัฒนาให้บาง เบา และสามารถใส่กับกรอบดีไซน์ทันสมัยที่สะท้อนบุคลิก ไม่ว่าจะเป็นลุคมืออาชีพ ลุคสร้างสรรค์ หรือแม้แต่ลุคเรียบหรูมีระดับ


การเลือกแว่นไม่ใช่แค่เพื่อการแก้ปัญหาอีกต่อไป แต่มันกลายเป็น “การลงทุนกับการมองเห็นในระยะยาว” และ “การสื่อสารตัวตน”


เพราะสิ่งที่เรามองเห็น มีผลต่อวิธีที่เราใช้ชีวิต และสิ่งที่เราตัดสินใจเลือกมอง ก็กำหนดว่าเราจะเห็นอนาคตอย่างไร

Comments


bottom of page