ต้อกระจกคืออะไร ใครบ้างที่เสี่ยง และจะดูแลอย่างไร
- tbfc1000
- 1 ก.ย. 2567
- ยาว 1 นาที
ต้อกระจกเป็นคำที่หลายคนเคยได้ยินแต่ไม่ค่อยเข้าใจมากนัก คุณอาจรู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับตาและการมองเห็น แต่เกินกว่านั้นก็อาจจะยังสับสนอยู่ ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจว่าต้อกระจกคืออะไร สาเหตุของมันคืออะไร ใครบ้างที่เสี่ยง อาการที่ควรระวัง และวิธีดูแลรักษาตาเมื่อคุณหรือคนที่คุณรักมีปัญหานี้
ต้อกระจกคืออะไร
เริ่มต้นจากพื้นฐานก่อน ต้อกระจกคือลักษณะของเลนส์ในตาที่ขุ่นซึ่งปกติแล้วจะใส เลนส์นี้ทำหน้าที่โฟกัสแสงไปยังจอตา ซึ่งเป็นส่วนของตาที่ส่งข้อมูลการมองเห็นไปยังสมอง เมื่อเกิดต้อกระจกขึ้น มันทำให้การมองเห็นของคุณเหมือนกับมองผ่านหน้าต่างที่เป็นฝ้า ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน และจะค่อยๆ แย่ลงตามเวลา
ต้อกระจกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ และเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียการมองเห็น แต่ข่าวดีก็คือ ต้อกระจกสามารถรักษาได้ และด้วยความก้าวหน้าของการแพทย์ในปัจจุบัน ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดมักจะสามารถกลับมามองเห็นได้ดีขึ้นอย่างมาก

สาเหตุของต้อกระจก
ต้อกระจกมักเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของเลนส์ในตา ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อเราอายุมากขึ้น เมื่อเราแก่ขึ้น โปรตีนในเลนส์จะเริ่มแตกตัวและจับตัวเป็นก้อน ทำให้เลนส์ขุ่นมัว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดต้อกระจกได้ เช่น
- พันธุกรรม ถ้าต้อกระจกเป็นปัญหาที่เกิดในครอบครัว คุณอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้น
- รังสี UV การสัมผัสกับแสงอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดเป็นเวลานานสามารถเพิ่มความเสี่ยงได้
- โรคประจำตัว โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วนสามารถเพิ่มโอกาสเกิดต้อกระจก
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของต้อกระจก
- การบาดเจ็บที่ตา การบาดเจ็บที่ตาในอดีตสามารถทำให้คุณมีความเสี่ยงมากขึ้น
- ยา การใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ในระยะยาวและยาบางชนิดสามารถทำให้เกิดต้อกระจกได้
ใครบ้างที่เสี่ยงกับต้อกระจก
แม้ว่าใครๆ ก็สามารถเป็นต้อกระจกได้ แต่มีบางกลุ่มที่เสี่ยงมากกว่า ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคืออายุ—ต้อกระจกมักจะเริ่มพัฒนาตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป และเมื่ออายุ 80 ปี ผู้คนมากกว่าครึ่งหนึ่งจะมีต้อกระจกหรือเคยผ่าตัดต้อกระจกมาแล้ว แต่ต้อกระจกไม่ได้เกี่ยวข้องกับอายุเท่านั้น นี่คือกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
- ผู้สูงอายุ อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าอายุเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคเบาหวานสามารถทำให้เกิดต้อกระจกเร็วขึ้นได้
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัว พันธุกรรมมีบทบาท หากพ่อแม่หรือพี่น้องของคุณมีต้อกระจก คุณอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้น
-ผู้ที่สัมผัสกับแสงแดดนาน ถ้าคุณเคยอยู่กลางแจ้งโดยไม่มีการป้องกันตาจากแสงแดด ความเสี่ยงของคุณจะเพิ่มขึ้น คุณควรปกป้องดวงตาของคุณจากแสงแดดด้วยแว่นกันแดด
- ผู้สูบบุหรี่การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจกเป็นสองเท่า

อาการของต้อกระจก
ต้อกระจกพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นอาจไม่สังเกตเห็นอาการในระยะแรก อย่างไรก็ตาม เมื่อโรคนี้พัฒนาไป คุณอาจเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในการมองเห็นดังต่อไปนี้
- การมองเห็นไม่ชัด สิ่งต่างๆ อาจดูไม่ชัดหรือมองไม่คมชัด
- แพ้แสง คุณอาจพบว่าแสงสว่างทำให้รู้สึกไม่สบายตาหรือเกิดแสงวูบวาบบ่อยขึ้น
- มองเห็นยากในที่มืด ต้อกระจกทำให้การมองเห็นในที่มืดยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องขับรถ
- เห็นวงแสงรอบดวงไฟ คุณอาจเห็นวงแสงรอบๆ ไฟถนนหรือไฟหน้ารถ
- สีซีดจางหรือดูเหลือง สีอาจดูไม่สดใสเหมือนเดิม
- เห็นภาพซ้อนในตาข้างเดียว นี่เป็นอาการที่พบได้น้อยกว่าแต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้
หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบจักษุแพทย์ แม้ว่าต้อกระจกจะเป็นส่วนหนึ่งของการแก่ตัว แต่หากไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อคุณภาพชีวิต
วิธีดูแลรักษาต้อกระจก
ถ้าคุณหรือคนที่คุณรู้จักมีต้อกระจก คุณควรทำอย่างไร ขั้นตอนแรกคือการไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจตาอย่างละเอียด จักษุแพทย์จะสามารถระบุได้ว่าคุณมีต้อกระจกหรือไม่ และมันเป็นมานานเท่าไร จากนั้นเรามีทางเลือกหลายทางดังนี้
- การเฝ้าติดตาม ในระยะแรก ต้อกระจกอาจไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการมองเห็นของคุณ แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำเพื่อติดตามการพัฒนา
- แว่นตาใหม่ บางครั้งการปรับปรุงการใช้แว่นตาใหม่สามารถช่วยจัดการกับอาการในระยะสั้นได้
- การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต การสวมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันตาจากแสงยูวี การเลิกบุหรี่ การควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน และการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง สามารถช่วยชะลอการพัฒนาของต้อกระจกได้
- การผ่าตัดต้อกระจก ถ้าต้อกระจกเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การผ่าตัดมักเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด การผ่าตัดต้อกระจกเป็นขั้นตอนที่พบได้บ่อยและปลอดภัย เลนส์ตาที่ขุ่นมัวจะถูกนำออกและแทนที่ด้วยเลนส์เทียมที่ใส ขั้นตอนนี้มักจะใช้เวลาไม่นาน และคนส่วนใหญ่จะพบมองเห็นดีขึ้นอย่างมากหลังจากผ่าตัด
สรุป
ต้อกระจกอาจฟังดูน่ากลัว แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการที่เราแก่ตัวลง สิ่งสำคัญคือการตรวจพบแต่เนิ่นๆ และการจัดการอย่างเหมาะสม การเข้าใจสาเหตุ การรู้จักอาการ และการรู้ว่าเมื่อไหร่ควรได้รับการรักษาจะช่วยให้คุณรักษาคุณภาพชีวิตของคุณได้ แม้ว่าจะมีต้อกระจกเกิดขึ้นก็ตาม อย่าลืมปกป้องดวงตาของคุณจากแสงแดด รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และเข้ารับการตรวจตาเป็นประจำเพื่อพบปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการดูแลตาที่เหมาะสม คุณสามารถรักษาการมองเห็นให้ชัดเจนและคมชัดไปอีกหลายปี
Comments